DROPSHIP คืออะไร?
Dropship คืออะไร หลายคนคงมีความสงสัยว่า แล้วทำอย่างไรจึงจะเป็น มีรายได้มายังไงบ้าง เพราะว่ามีคนที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการขายสินค้าผ่านทาง Dropship และหากเราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของ Dropship ก็สามารถที่จะทำได้ไม่ยากหากรู้แนวทาง
สำหรับการขายของออนไลน์นั้นก็เหมือนกับการขายของทั่วไป คือต้องมีการสั่งซื้อแล้วทำการขนส่งไปยังผู้ซื้อ แน่นอนว่าผู้ขายหลายคนอาจจะไม่มีความชำนาญด้านการขายหรือว่าอาจจะไม่มีเวลาจัดการเรื่องนี้ แต่การที่ให้ Dropship หาลูกค้าให้เป็นเรื่องที่หลายคนชอบทำในปัจจุบัน โดยเฉพาะการค้าขายใน FACEBOOK และ line
Dropship เป็นบริการที่ผู้บริการจะมีสต็อคสินค้าให้แก่เรา หน้าที่ของเราเพียงแค่นำสินค้าที่ Dropship มีไว้ให้ มาขายบนเว็บหรือ Social Network ต่างๆ ถ้าให้พูดง่ายๆก็คือ เสมือนว่าเราเป็น”ตัวกลาง” หรือ”นายหน้า” นั่นเอง
โดยที่ทาง Dropship จะให้เรานำข้อมูลต่างๆ เช่น รายละเอียดสินค้า รูปภาพตัวอย่างสินค้า ไปใช้ในเว็บของเราได้เลย เราแทบไม่ต้องเข้าไปยุ่งอะไรกับกระบวนการของตัวสินค้าเลย โอ้มันช่างเยี่ยมยอดจริงๆ
ส่วนเงินที่เราได้มานั้น เกิดจากกำไรที่บวกเพิ่มจากราคาสินค้าที่ Dropship กำหนดมาให้ เช่น Dropship อาจตั้งราคาเสื้อให้เรามา 100 บาท เราอาจเพิ่มตอนขายบนเว็บของเราเป็น 110 บาท เท่ากับว่าเราได้กำไร 10 บาท ต่อ 1 ตัว ซึ่งเราสามารถตั้งราคาได้ ตามที่เราต้องการเลย
กระบวนการของ Dropship ทำอย่างไรบ้าง ?
ทีนี้เรามาดูวิธีการใช้บริการ Dropship กันดีกว่า เอาตั้งแต่วิธีหาร้านกันไปเลย!
- ก่อนอื่นเราต้องคิดก่อนว่าเราอยากจะขายอะไรดี ถ้ามีอยู่ในใจแล้ว ลองพิมพ์ใน Google ว่า "Dropship+ชื่อสินค้าที่เราอยากขาย” แต่หากผู้อ่านยังไม่มีสินค้าในดวงใจที่อยากจะขาย ให้พิมพ์คำว่า Dropship ลงไปใน Google เลยครับ
- หลังจากเราเจอร้าน Dropship ที่น่าสนใจแล้ว ให้ลองอ่านเงื่อนไขของร้านนั้นๆก่อน ว่าต้องการอะไรบ้าง ซึ่งแต่ละร้านจะมีความต้องการในการสมัครไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของร้านนั้นๆด้วย เช่น อาจต้องจ่ายรายเดือนในการสมัครหรือจ่ายหนเดียวฟรีตลอดชีพ เป็นต้น
- เมื่อสมัคร Dropship เสร็จแล้ว ให้เราทำการขายสินค้าชิ้นนั้น โดยเสมือนว่าเป็นสินค้าที่เรามีอยู่ในครอบครองจริงๆ ตามช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ของเราหรือตาม Facebook Instagram โดยทาง Dropship จะอนุญาติให้เราดึง รูปภาพและรายละเอียดต่างๆของตัวสินค้าไปใส่ในเว็บของเราได้
- หลังจากที่เราขายสินค้าที่วางไว้บนเว็บได้แล้ว ให้ติดต่อกับทาง Dropship เพื่อส่งสินค้าไปให้ลูกค้าของเราโดยตรง โดยที่ทาง Dropship จะเขียนชื่อระบุที่อยู่หน้าซอง เป็นชื่อของเราแทน เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความสับสนหรือเกิดการซื้อโดยตรงกับทาง Dropship
เท่านี้เราก็สามารถขายของได้โดยที่ไม่ต้องสต็อคของแล้ว ง่ายสุดๆไปเลย แต่แน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีข้อดีและข้อเสีย เรามาดูกันว่าข้อดีและข้อเสียของ Dropship มีอะไรบ้าง
ข้อดี
- ไม่ต้องสต็อคสินค้า
- ไม่ต้องลงทุนซื้อของมาก่อน
- ข้อมูลรายละเอียดสินค้ากับรูปภาพมีให้พร้อม ไม่ต้องเสียเวลามานั่งคิดคำอธิบาย
- ไม่ต้องส่งสินค้าเอง Dropship ทำการส่งให้เลย เราเพียงแต่บอกทิ่อยู่แค่นั้น
ข้อเสีย
- หากสินค้าจากทาง Dropship คุณภาพไม่ดี เราจะเสียความน่าเชื่อถือ
- คนเข้าถึงง่ายจนเกินไป ทำให้ใครๆก็เริ่มได้ เกิดคู่แข่งทางธุรกิจสูง
- ถ้าเจอ Dropship ไม่ดี อาจโดนแย่งลูกค้าได้โดยไม่รู้ตัว
สรุป
Dropship เป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับผู้ที่ทุนน้อยและไม่รู้จะเริ่มขายอะไรดี แต่ทุกอย่างย่อมมีดาบ 2 คม ถ้าหากเราเจอ Dropship ที่ไม่ดี เราจะเสียลูกค้าได้ง่ายๆจากคุณภาพสินค้าที่ไม่ดี เพราะฉะนั้นเราควรเลือก Dropship เจ้าที่ดูมีความชำนาญและน่าเชื่อถือระดับนึง ที่สำคัญตัวเราเองต้องเก่งเรื่องโปรโมทและตอบคำถามกับลูกค้าให้ได้เสมือนว่าเรามีสินค้าอยู่จริงๆ แม้ว่าจะไม่เคยเห็นตัวสินค้าก็ตามที ซึ่งข้อนี้นับว่าเป็นโจทย์หินพอสมควรสำหรับผู้ที่คิดจะเริ่มธุรกิจนี